| 
                    
                   	    
                   	    
                     
       ระบบไฟฟ้าสำรองฉุกเฉิน
                      
                      
                        
                        
                       
                                 
                               พลังงานไฟฟ้าในปัจจุบันมีความต้องการใช้อย่างมากในสถานประกอบการต่าง  ๆ  เช่น  โรงงานอุตสาหกรรม   โรงพยาบาล  เป็นต้น   พลังงานไฟฟ้าจำเป็นต้องจัดหาเพื่อจ่ายให้กับอุปกรณ์ไฟฟ้า กล้องวงจรปิด CCTV ให้สามารถทำงานได้อย่างสะดวก  ทำให้การดำเนินชีวิตประจำวันมีไฟฟ้าใช้อย่างต่อเนื่อง   ทำให้เกิดความปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สิน   ถ้าระบบไฟฟ้าขัดข้อง  และไม่สามารถจ่ายกระแสไฟฟ้าได้จะทำให้เกิดความไม่สะดวก  จำเป็นต้องมีการติดตั้งเครื่องกำเนิดไฟฟ้าสำรองเพื่อจ่ายไฟให้กับอุปกรณ์ไฟฟ้าที่สำคัญ  หรือใช้ในยามฉุกเฉิน    เพื่อป้องกันเหตุดังกล่าวจึงจำเป็นต้องติดตั้งชุดจ่ายไฟฟ้าสำรอง  (UPS)   เพื่อจ่ายกระแสไฟฟ้าให้อุปกรณ์เหล่านั้น   
                        
                               ชุดจ่ายไฟฟ้าสำรองต่อเนื่อง   (UPS) 
                        
                      ปัจจุบันถูกนำมาใช้แก้ปัญหาจากความผิดปกติของระบบไฟฟ้าสำหรับคอมพิวเตอร์   อุปกรณ์สื่อสาร  เครื่องใช้พิเศษ   เนื่องจาก  UPS  ทำหน้าที่    กรองคลื่นรบกวนไฟฟ้า    ปรับแรงดันไฟฟ้า    ปรับความถี่ไฟฟ้า   จ่ายพลังไฟฟ้าได้ต่อเนื่อง     จากสถิติการใช้งานพบว่า   สามารถแก้ปัญหาทางไฟฟ้าได้มากถึง  99% 
                      ไฟฟ้าฉุกเฉิน   (Emergency   Light) 
                        
                      ระบบที่เกี่ยวกับความปลอดภัย  เป็นมาตรฐานกำหนดบังคับสำหรับระบบไฟฟ้าแสงสว่างฉุกเฉิน  และป้ายทางออกฉุกเฉิน  เพื่อใช้ในการอพยพ  และหนีภัย    ระบบจ่ายกำลังไฟฟ้าฉุกเฉินนำมาใช้เพื่อแก้ปัญหาการหยุดชะงักการจ่ายไฟฟ้า  ซึ่งหากระบบไฟฟ้าออกแบบมาให้แข็งแรง  และทนทานต่อความร้อนจากอัคคีภัย  เพื่อช่วยชีวิตคนในพื้นที่นั้น  เรียกว่า  “ระบบไฟฟ้าช่วยชีวิต”    ซึ่งการจัดทำระบบจ่ายกำลังไฟฉุกเฉินมีอยู่   4    วิธี  คือ 
                      1.	ใช้แบตเตอรี่สำรองพลังงาน
 
                      2.	ใช้เครื่องกำเนิดไฟฟ้าฉุกเฉิน                         
                      3.	แยกระบบการใช้งานฉุกเฉินออกจากระบบปกติ                         
                      4.	ใช้แหล่งจ่ายกำลังไฟฟ้าอื่นมาต่อเชื่อมเข้าในระบบที่เกิดขัดข้อง 
                      ระบบสัญญาณแจ้งเหตุเพลิงไหม้   (Fire   Alarm) 
                      ระบบสัญญาณเตือนไฟอัตโนมัติ   คือ  อุปกรณ์ที่สามารถรับรู้ถึงไฟไหม้ที่เกิดขึ้นแล้ว  สามารถส่งสัญญาณไปยังชุดควบคุมให้พร้อมที่จะสั่งกระดิ่ง  ที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันไฟไหม้ทำงานได้    โดยปราศจากการควบคุมโดยคน  เป็นการทำงานโดยอัตโนมัตินั่นเอง 
                      สำหรับอุปกรณ์การตรวจสอบเพลิงไหม้มีหลักใหญ่  ๆ  สองประการคือ 
                      1.	จะต้องไม่ระเบิด   หรือเกิดความเสียหายจากเพลิงไหม้  แต่จะต้องรับรู้ ถึงเพลิงไหม้ที่เกิดขึ้นและต้องส่งสัญญาณกลับไปยังชุดควบคุมได้
 
                      2.	จะต้องสามารถป้องกันการเกิดข้อผิดพลาดอันเนื่องมาจากอุปกรณ์ตรวจสอบเพลิงไหม้  หรือเกิดจากสัญญาณหลอกที่มาจากอุปกรณ์ตรวจสอบเพลิงไหม้ได้  
                      ในระบบสัญญาณเตือนไฟไหม้อัตโนมัติมีอยู่ด้วยกัน  2  ระบบ  คือ  
                      
                      -	 ระบบ  Hard  Wire        จะมีรายละเอียดในการทำงานไม่ชัดเจน   จึงเหมาะสำหรับการติดตั้งในอาคารที่มีขนาดไม่ใหญ่หรือไม่สูงเกินไปนัก  และสามารถยอมรับสภาพการแจ้งเหตุ   ซึ่งแก้ปัญหาได้ด้วยการติดตั้งระบบโทรศัพท์ในแต่ละชั้น
 
                       
                      -	  ระบบ  Addressible  หรือ  Multiplex       เป็นระบบที่พัฒนาขึ้นเพื่อแก้ข้อบกพร่องของระบบ  Hard   Wire  โดยในระบบนี้อุปกรณ์แจ้งเหตุจะถูกส่งผ่านมายัง  Monitor  Module (MM)  และสั่งงานไปยังอุปกรณ์  เช่น  กระดิ่งและลำโพง 
                      นอกจากนี้การต่อสายของอุปกรณ์แจ้งเหตุเพลิงไหม้จะสามารถต่อได้  2  แบบคือ 
                      1.	แบบ   4   สาย  (Class  A)    วงจรนี้สามารถแจ้งสัญญาณเพลิงไหม้ได้  ถึงแม้ว่า  สายจะขาดที่จุดใดจุดหนึ่งหรือในกรณีที่สายลัดวงจรที่จุดหนึ่งจุดใดก็ยังสามารถแจ้งเหตุได้
 
                      2.	แบบ  2  สาย  (Class  B)   ใช้ทั้งแจ้งสัญญาณเพลิงไหม้และจ่ายไฟไปที่เครื่องตรวจจับควันในวงจรเดียวกัน  สามารถรับสัญญาณเพลิงไหม้จากเครื่องตรวจจับเพลิงพร้อมกันได้หลายตัว  และที่ปลายวงจรจะมีตัวต้านทานติดไว้เพื่อใช้เป็นจุดจบของสาย 
                      ชนิดของอุปกรณ์ 
                      อุปกรณ์จะมีหลายอย่างที่ประกอบขึ้นเป็นระบบสัญญาณเตือนไฟไหม้อัตโนมัติ  ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้ 
                      
                       ระบบแจ้งเหตุเพลิงไหม้อัตโนมัติแบบ   Hard   Wire   ซึ่งระบบนี้จะประกอบด้วยอุปกรณ์ตรวจจับความร้อนแบบอุณหภูมิคงที่   อุปกรณ์ตรวจจับอัตราการเพิ่มความร้อน    อุปกรณ์การตรวจจับควัน   อุปกรณ์แจ้งสัญญาณเตือนไฟไหม้ด้วยมือ     กล่องรวมอุปกรณ์  ชุดกระดิ่งหรือไซเรน 
                      แผงควบคุมแผงแจ้งเหตุ   (Annunciation)      แบ่งออกเป็น   2   ส่วนคือ 
                      1.	ชุดแจ้งสัญญาณเหตุ       อุปกรณ์ที่ทำหน้าที่แจ้งให้ทราบว่า  ในขณะนี้ได้เกิดเพลิงไหม้ขึ้นที่ชั้นใด   โดยที่การแจ้งสัญญาณเหตุนี้จะรับสัญญาณมาจากตู้ควบคุม  อุปกรณ์ตัวนี้อาจเปรียบได้กับเป็นตัวลูกของชุดควบคุม  ซึ่งทำหน้าที่แจ้งสัญญาณให้ชุดควบคุมทราบ
 
                      2.	ชุดควบคุม      เป็นอุปกรณ์ศูนย์กลางหรือหัวใจของชุดระบบสัญญาณเตือนไฟไหม้อัตโนมัติ  มีหน้าที่รับสัญญาณจากอุปกรณ์ตรวจสอบเพลิงไหม้อัตโนมัติ  และอุปกรณ์แจ้งสัญญาณเตือนไฟไหม้ด้วยมือ    โดยการเตือนภัยอาจออกมาในรูปของการแสดงบนชุดควบคุมที่แจ้งสัญญาณเหตุ  หรืออาจจะแสดงด้วยเสียงบนชุดกระดิ่งหรือไซเรนก็ได้  
                      
                     
                               การตรวจสอบและการบำรุงรักษา 
                               ระบบสัญญาณแจ้งเหตุเพลิงไหม้  เป็นระบบที่ใช้ในการป้องกันการเกิดอัคคีภัย  ซึ่งทุกหน่วยงานจะต้องติดตั้งไว้ใช้เพื่อป้องกันชีวิตและทรัพย์สินของตนเอง   โดยเฉพาะโรงงานอุตสาหกรรม  สถานประกอบการ  อาคารสำนักงานต่าง  ๆ  จึงต้องมีการตรวจสอบและบำรุงรักษาดังนี้ 
                               1.	ศึกษาคู่มือการใช้งานของระบบสัญญาณแจ้งเหตุเพลิงไหม้อย่างละเอียด
 
                               2.	ผู้ปฏิบัติงานด้านการตรวจสอบต้องเป็นช่างที่ชำนาญงานมีความเข้าใจระบบเป็นอย่างดี                                  
                               3.	จัดทำแผนปฏิบัติการตรวจสอบระบบสัญญาณเป็นระยะ                                  
                               4.	จัดทำรายงานผลการตรวจสอบระบบสัญญาณทุกครั้งที่ทำการตรวจสอบ                                  
                               5.	ถ้าพบอุปกรณ์ชำรุด  หรือสึกหรอให้รีบซ่อมเปลี่ยนทันที  โดยช่างผู้ชำนาญการเฉพาะทาง                                  
                               6.	อุปกรณ์ที่เปลี่ยนจะต้องเป็นของแท้  หรือมีเครื่องหมายมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมรับรอง 
                                7.	จัดอบรมเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้อง  ให้สามารถใช้ระบบสัญญาณได้ทุกคน 
                                8.	จัดทำป้ายเตือนภัยตามจุดติดตั้งสัญญาณ  ให้สามารถมองเห็นได้ชัดเจนทุกจุด                                  
                               9.	จัดทำแผนผังแสดงการทำงานของระบบสัญญาณติดตั้งที่ห้องควบคุมและจุดที่สำคัญในหน่วยงาน  
                               ถ้าได้มีการปฏิบัติตามแผนการตรวจสอบอย่างเคร่งครัด   นอกจากยืดอายุการใช้งานของระบบสัญญาณแจ้งเหตุเพลิงไหม้แล้ว    ยังทำให้เกิดความปลอดภัยในการปฏิบัติงานทั้งชีวิตและทรัพย์สินอีกด้วย 
                               เครื่องมือและอุปกรณ์ต่าง     ๆ 
                               หม้อแปลงเครื่องมือวัด   (Instrument   Transformer) 
                               การวัดโดยตรงของแรงดันไฟฟ้าสูง    ทำให้ต้องใช้เครื่องมือวัดขนาดใหญ่ซึ่งมีราคาแพง       หม้อแปลงขนาดเล็กและราคาไม่แพงจะถูกออกแบบให้มีขนาดเหมาะสมสำหรับเครื่องมือวัด   ซึ่งทำให้เพิ่มความปลอดภัยและเที่ยงตรง   หม้อแปลงเครื่องมือวัดแบ่งออกเป็นดังนี้ 
                               1.	หม้อแปลงต่างศักย์  หรือ   หม้อแปลงแรงดัน  (Potential   Transformer  or  Voltage   Transformer)
การทำงานเช่นเดียวกับหม้อแปลงกำลัง  (Power   transformer)    หรือหม้อแปลงระบบจำหน่าย   จะมีขนาดเล็ก  และใช้แปลงแรงดันไฟฟ้าสูง  ๆ  เป็นแรงดันต่ำสำหรับใช้กับโวลต์มิเตอร์  หรือมาตรวัดชั่วโมง     หม้อแปลงแรงดันจะมีความเที่ยงตรงมากและมีความผิดพลาดน้อย     ลักษณะของหม้อแปลงแรงดันจะมีปลอกฉนวนขนาดใหญ่  2  อัน  เพื่อใช้ต่อเจ้ากับขดแรงดันไฟฟ้าแรงสูงซึ่งเป็นขดปฐมภูมิ   หม้อแปลงชนิดนี้ใช้ภายนอกอาคาร  ซึงขดปฐมภูมิอาจต่อเข้ากับระหว่างสายกับสายไฟฟ้าหรือต่อเข้ากับสายไฟฟ้ากับนิวทรัล 
                        
                      2.	หม้อ แปลงกระแส       (Current   Transformer)       เป็นหม้อแปลงเครื่องมือวัดสำหรับใช้ต่อเข้ากับแอมมิเตอร์   เป็นหม้อแปลงชนิดลดกระแสลงอย่างเป็นอัตราส่วน   หม้อแปลงกระแสนี้ขดปฐมภูมิจะต่ออนุกรมเข้ากัมบสายไฟสายหนึ่ง  ประกอบด้วยจำนวนรอบเพียงเล็กน้อย  และมีขดลวดใหญ่พันอยู่บนแกนเหล็ก  ขดลวดทุติยภูมิ 
                        
                               
                               ประกอบด้วยจำนวนรอบที่มากกว่า แต่ลวดมีขนาดเล็กกว่า  โดยพันอยู่บนแกนเหล็กอันเดียวกันกับขดปฐมภูมิ  กระแสสูงสุดที่รับได้ของขดปฐมภูมิมีค่าสูงสุดเท่ากับกระแสที่ไหลในสายไฟฟ้านั้น   โดยไม่คำนึงถึงกระแสสูงสุดของขดปฐมภูมิ    หม้อแปลงกระแสโดยทั่วไปจะบอกอัตราส่วนของกระแส   ระหว่างขดปฐมภูมิกับขดทุติยภูมิ  เปอร์เซ็นต์ความผิดพลาดของหม้อแปลงกระแสจะน้อยกว่า  0.5% 
                               หม้อแปลงแบบออโต้   (Auto   -   Transformer) 
                               หม้อแปลงชนิดนี้บางทีเรียกว่า  “หม้อแปลงร่วมขดลวด”   เป็นแบบที่มีขดลวดเพียงชุดเดียว   ทำหน้าที่เป็นทั้งขดปฐมภูมิและขดทุติยภูมิ  จึงเป็นหม้อแปลงที่ประหยัดขดลวด   และราคาถูกกว่าหม้อแปลงไฟฟ้าแบบ  2  ขดลวด    การทำงานของหม้อแปลงนี้มีหลักการเช่นเดียวกับหม้อแปลงไฟฟ้าแบบ  2  ขดลวด   โดยอัตราส่วนของหม้อแปลงแบบออโต้ต่ำ   ส่วนมากแล้วจะไม่เกิน   4  :   1 
                               การใช้หม้อแปลงแบบออโต้มักจะใช้ 
                               1.	เพื่อชดเชยแรงดันไฟฟ้าตกคร่อมของสายเคเบิลที่จ่ายไปยังโหลด   โดยใช้หม้อแปลงแบบออโต้ต่อเสริมเข้าไปในเคเบิลนั้น  ๆ
 
                               2.	เพื่อใช้เป็นอุปกรณ์สตาร์ทของมอเตอร์เหนี่ยวนำ   โดยสามารถใช้ค่าแรงดันไฟฟ้าของตัวเอง  ขณะเมื่อมอเตอร์ทำงานเต็มที่                                  
                               3.	เพื่อใช้เป็นหม้อแปลงเตาหลอม  เพื่อให้ได้แหล่งจ่ายที่เหมาะสมจ่ายให้กับขดลวดเตาหลอม  
                               หม้อแปลงเครื่องเชื่อมไฟฟ้า   (Transformer   Welding) 
                                ส่วนมากแล้วมักเป็นที่นิยมใช้เพราะมีน้ำหนักเบาและมีขนาดเล็กกว่าเครื่องเชื่อมแบบอื่น  ๆ   หม้อแปลงชนิดนี้ขดปฐมภูมิจะต่อเข้าดับแหล่งจ่ายไฟฟ้า  220  โวลต์   ส่วนขดทุติยภูมิจะมีเอาต์พุตเป็นไฟฟ้าแรงดันต่ำ   แต่กระแสสูงเพื่อให้เหมาะสมแก่การเชื่อมโลหะ   สำหรับการปรับกระแสของหม้อแปลงเครื่องเชื่อมไฟฟ้า   สามารถทำได้ดังนี้ 
                               1.	แบบต่อแยกออกมาจากขดทุติยภูมิ       เป็นวิธีการปรับกระแสเชื่อมแบบง่าย   โดยมีสายต่อเอาต์พุตออกมาสำหรับสายเชื่อมและสายกราวด์   เครื่องเชื่อมแบบนี้ไม่สามารถปรับกระแสเชื่อมแบบต่อเนื่องได้   แต่จะให้กระแสออกมาเป็นช่วง  และเครื่องเชื่อมบางเครื่องมีเอาต์พุตสำหรับให้เลือกกระแสเชื่อมไว้ด้านหน้า
2.	แบบเลื่อนขดลวด       หม้อแปลงเครื่องเชื่อมไฟฟ้าแบบนี้ขดทุติยภูมิถูกยึดให้อยู่กับที่   ส่วยขดลวดปฐมภูมิเลื่อนได้เพื่อเปลี่ยนค่าเส้นแรงแม่เหล็กรั่วไหล   ซึ่งทำให้กระแสเปลี่ยนแปลงคือ   เมื่อขดลวดอยู่ห่างกันกระแสเอาต์พุตจะต่ำ   แต่ถ้าขดลวดทั้งสองอยู่ใกล้กันกระแสเอาต์พุตจะสูง    การสร้างหม้อแปลงแบบนี้มีความยุ่งยาก  และไม่ทนทาน  หม้อแปลงเครื่องเชื่อมไฟฟ้าแบบนี้เป็นวิธีที่สามารถปรับกระแสเชื่อมได้อย่างต่อเนื่อง 
3.	แบบเลื่อนแกนเหล็ก       ใช้วิธีการปรับกระแสไฟฟ้า   โดยการเลื่อนแกนเหล็กแกนกลางเข้าออก    ถ้าแกนเหล็กถูกเลื่อนไปอยู่ตำแหน่ง  3  จะทำให้เส้นแรงแม่เหล็กรั่วไหลผ่านแกนเหล็กได้สะดวกที่สุด   จึงทำให้กระแสเชื่อมมีค่าน้อยที่สุด   ลักษณะการเลื่อนแกนเหล็กของหม้อแปลงเครื่องเชื่อมไฟฟ้าแบบเลื่อนแกนเหล็กนี้ใช้งานได้นาน   และสามารถปรับกระแสเชื่อมได้อย่างต่อเนื่อง   การดูแลรักษาทำได้ง่าย  และมีความทนทานสูง  จึงเป็นที่นิยมใช้มาก
 
                               สายล่อฟ้า 
                               การป้องกันฟ้าผ่าเป็นสิ่งที่สำคัญที่จะต้องป้องกันอันตรายต่อชีวิต   ทรัพย์สิน  และการเกิดเพลิงไหม้   การป้องกันฟ้าผ่าไม่ได้หมายความว่า   ไม่ต้องการให้ฟ้าผ่าลงมาซึ่งคาดว่าไม่มีใครห้ามได้  แต่ต้องการให้ฟ้าผ่าลงที่จุดที่กำหนดนั่นเอง  วิธีป้องกันฟ้าผ่าได้แยกเป็น  2  ประเภท  คือ   การป้องกันฟ้าผ่าภายนอกอาคาร  และ  ภายในอาคาร 
                               1.	การป้องกันฟ้าผ่าภายนอกอาคาร   การป้องกันชนิดนี้ประกอบด้วย  แท่งตัวนำล่อฟ้า  ตำแหน่งล่อฟ้า  ตัวนำลงดิน  รากสายดิน
 
                               2.	การป้องกันฟ้าผ่าภายในอาคาร   การป้องกันชนิดนี้ประกอบด้วย   อุปกรณ์จำกัดเสิร์จ  และทุกระยะความสูงนอกอาคาร  20  เมตร  จะต้องมีวงแหวนระดับ  เพื่อประสานให้ศักยภาพในอาคารเท่ากัน 
                               อุปกรณ์กับดักเสิร์จ    (Surge   arrester)  
                               มีลักษณะแตกต่างกันหลายแบบขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ในการใช้งาน   คือ  การป้องกันเครื่องใช้ไฟฟ้าไม่ให้แรงดันไฟฟ้าสูงผิดปกติ  และลดความเสียหายเนื่องจากเสิร์จลง  อุปกรณ์กับดักเสิร์จที่ใช้ในปัจจุบัน  เช่น  วาริสเตอร์ชนิดโลหะออกไซด์  ตัวต้านทาน  หลอดแก๊ส    คาปาซิเตอร์  ชุดระงับแรงดันเสิร์จในภาวะชั้วครู่  หรือเรียกว่า   “อุปกรณ์ป้องกันเสิร์จ”  เป็นต้น 
                               หลักในการป้องกันเสิร์จ    แยกอุปกรณ์ป้องกันเป็น  2  แบบ  คือ 
                               1.	ตัวนำจนกระทั่งกระแสไฟฟ้าลดลงเป็นศูนย์   อุปกรณ์นี้จะมีลักษณะของตัวปล่อยประจุในแก๊ส    ซึ่งในขณึ่งในขณะที่เป็นตัวนำจะรองรับกระแสได้สูงมาก   เนื่องจากแรงดันไฟฟ้าที่ตกคร่อมมีค่าต่ำมาก  จะเกิดการพื่อ
 
                               2.	เป็นตัวนำเมื่อแรงดันไฟฟ้าสูงผิดปกติ  และเปิดวงจรเมื่อแรงดันไฟฟ้าลดลง  อุปกรณ์นี้มีลักษณะเป็นวัสดุที่ฉนวนไม่เชิงเส้น   ซึ่งเป็นสารออกไซด์ที่มีโครงสร้างเป็นระเบียบในช่วงสั้น  ๆ 
                               ข้อกำหนดการเดินสายและวัสดุ 
                               การติดตั้งอุปกรณ์ตู้ควบคุมไฟฟ้า 
                               แผงสวิตช์  (Switchboards)      แผงจ่ายไฟขนาดใหญ่ที่รับไฟจากการไฟฟ้า  หรือจากแรงดันต่ำของหม้อแปลง   เพื่อไปจ่ายโหลดต่าง  ๆ   เช่น  แผงย่อย  เป็นต้น    ส่วนมากเป็นแบบตั้งพื้นเพราะมีขนาดใหญ่  ปัจจุบันมีการสร้างตู้จ่ายไฟขนาดมาตรฐาน  หรือขนาดความกว้างและความหนาอาจแตกต่างกันออกไป   ความหนาจะคำนึงถึงขนาด  และจำนวนของ บริภัณฑ์ป้องกันแผงสวิตช์   แผงสวิตช์มีส่วนประกอบที่สำคัญ  คือ  โครงห่อหุ้มที่ทำจากโลหะ    และ บัสบาร์ 
                               มาตรฐานของแผงสวิตช์       ที่สำคัญคือ  มาตรฐาน  IEC    ซึ่งมีการทดสอบที่สำคัญ  2  แบบ   คือ 
                               1.	การทดสอบประจำ   (Routine   Test)      เป็นการทดสอบที่ต้องทำกับแผงสวิตช์ทุกตัวเมื่อผลิตเรียบร้อยแล้ว   เพื่อให้แน่ใจว่า   แผงสวิตช์ไม่ชำรุดเสียหาย   และสามารถนำไปใช้งานได้ซึ่งมีการทดสอบ  4  อย่าง  คือ   การตรวจพินิจพิจารณา    การทดสอบไดอิเล็กตริก  ตรวจสอบความต่อเนื่องของวงจรป้องกัน  ทดสอบค่าความต้านทานฉนวน  
 
                               2.	การทดสอบเฉพาะแบบ  (Type   Test)       เป็นการทดสอบเพื่อแสดงว่า   แผงสวิตช์มีคุณสมบัติตรงตามมาตรฐาน  IEC   โดยมีการทดสอบทั้งหมด  7  อย่างคือ   การทดสอบอุณหภูมิเพิ่ม    การทดสอบคุฯสมบัติทางไดอิเล็กตริก    การทดสอบความทนทานต่อกระแสลัดวงจร   การทดสอบประสิทธิภาพของวงจรป้องกัน    การทดสอบระยะ   การทดสอบการทำงานทางกล   การทดสอบ  Degree  of  Protection  
                               การเลือกใช้แผงสวิตช์ 
                               1.	พิกัดแรงดันของแผงสวิตช์
 
                               2.	พิกัดกระแสของแผงสวิตช์                                  
                               3.	พิกัดกระแสลัดวงจร  
                               บริภัณฑ์เครื่องวัด   (Measuring    Instruments) 
                               ค่าต่าง  ๆ  ทางไฟฟ้ามีความสำคัญ   เพราะจะทำให้เราทราบสภาพการทำงานของระบบไฟฟ้า  จึงจำเป็นต้องมีบริภัณฑ์เครื่องวัด   ซึ่งส่วนใหญ่มักจะติดตั้งอยู่กับแผงสวิตช์วัดค่าทางไฟฟ้าสำคัญต่าง  ๆ  เช่น  กระแส  (A)   แรงดัน  (V)  กำลังทางไฟฟ้า  (W)    ตัวประกอบกำลัง  (P.F.)    เป็นต้น 
                               การติดตั้งบัสเวย์    
                               หมายถึง  บริภัณฑ์ไฟฟ้าที่ใช้ในการนำพลังงานไฟฟ้าปริมาณมาก  ๆ  จากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่ง    ปัสเวย์ประกอบด้วย   ตัวนำบัสบาร์บรรจุภายในกล่องหุ้มพร้อมบริภัณฑ์ช่วยอีกหลายอย่าง   เพื่อให้สามารถส่งพลังงานไฟฟ้าไปยังจุดที่ต้องการได้   บัสเวย์ทำหน้าที่คล้ายสายไฟฟ้าแต่จะมีความคล่องตัวสูงกว่า   เพราะสามารถต่อแยก  ออกไปใช้งานได้ตลอดความยาว      บัสเวย์อาจแบ่งตามลักษณะของกลุ่มได้   2  แบบคือ 
                               1.	แบบมีรูระบายความร้อน     (Ventilated   Type)      จะต้องติดตั้งตามลักษณะที่ผู้ผลิตกำหนดเท่านั้น 
                               2.	แบบปิดมิดชิด      (Totally   Enclosed   Type)       สามารถติดตั้งได้ทุกลักษณะโดยไม่ต้องลดพิกัดกระแส เนื่องจากสามารถระบายความร้อนได้ทุกลักษณะการติดตั้ง 
                               โครงสร้างของบัสเวย์    มีรายละเอียดดังนี้ 
                               1.	ตัวนำ   มีอยู่ด้วยกัน   2  ชนิด  คือ  ตัวนำอะลูมิเนียม  และตัวนำทองแดง  ซึ่งตัวนำทองแดงสามารถนำกระแสไฟฟ้าได้ดีกว่า
 
                               2.	โครง  มี  2  ชนิดด้วยกัน  คือ  ชนิดอะลูมิเนียม  และเหล็กเคลือบสีอีปอกซี    โดยโครงของบัสเวย์มี  2  แบบคือชนิดโปร่งให้อากาศระบายได้  และ  ชนิดหุ้มปิดสำหรับกันน้ำ                                  
                               3.	ฉนวน   มีด้วยกัน  2  ชนิดคือ  Polyester  film   และ   Epoxy  coat   โดยมีระดับฉนวนเป็น  2  ระดับคือ  Class  A  ทนอุณหภูมิได้ถึง  105 C   และ  Class  B   ทนอุณหภูมิได้ถึง  130  C                                  
                               4.	บัสต่อลงดิน   มีความสำคัญมาก   เนื่องจากเป็นทางไหลกลับเมื่อเกิดลัดวงจรลงดิน   สำหรับการติดตั้งใช้งานจะมี
                                 Plug  in  unit  เพื่อแทปไฟจากบัสเวย์ไปใช้งาน  โดยมีลักษณะเป็นกล่องที่มีเซอร์กิตเบรกเกอร์อยู่ภายใน 
                               การเลือกแบบ  และพิกัดบัสเวย์ 
                               การเลือกใช้บัสเวย์ของแต่ละงานต้องพิจารณาตามความต้องการดังนี้ 
                      1.	ใช้ภายใน  หรือ  ภายนอกอาคาร    ใช้ในบริเวณที่ความชื้น  หรือน้ำเข้าไม่ถึง  สำหรับแบบภายในอาคารและสำหรับที่ใช้ภายนอกอาคารที่บริเวณมีน้ำรั่ว  หรือเข้าได้  บัสเวย์นี้ทำขึ้นพิเศษ  โดยจะมีการป้องกันน้ำตามจุดต่อต่าง  ๆ 
                                2.	พิกัดกระแส       เป็นที่นิยมใช้ในการเดินไฟฟ้าของอาคารพาณิชย์    และโรงงานอุตสาหกรรม   จึงมีพิกัดกระแสกว้างมาก   ค่าพิกัดกระแสของบัสแวย์เป็นค่าต่อเนื่อง                                  
                               3.	แรงดันตก     ค่าพิกัดกระแสต่อเนื่องต้องคำนึงถึงค่าแรงดันตก    ถ้าบัสเวย์เดินเป็นระยไกล  ๆ  ต้องคำนึงถึงแรงดันตกควบคู่ไปกับกระแสพิกัด  ถ้าแรงดันตกมากเกินไปอาจต้องพิจารณาเพิ่มบัสเวย์ที่มีพิกัดกระแสสูงขึ้น                                  
                               4.	พิกัดกระแสลัดวงจร      บัสเวย์จะต้องสามารถทนแรงแม่เหล็กไฟฟ้า  และความร้อนได้  เมื่อเกิดลัดวงจร   บริษัทผู้ผลิตได้ทำบัสบาร์ที่สามารถทนกระแสลัดวงจรได้หลายระดับ  รุ่นที่ทนกระแสลัดวงจรจะมีราแพง   ดังนั้นควรเลือกบัสเวย์ที่มีพิกัดกระแสลัดวงจรที่เหมาะสม  
                                 
                                 
                                 
                                 
                                 
                     
                        
                      
                        
                      
                        
                   
                        
                     
                        
                     
                        
                        
                     
                        
                        
                          
                              
                            ติดตามข่าวสารที่ LINE : @cctcbangkok.com 
                                             
                 |